
เป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ แต่เนื้อหาอัดแน่น ว่าด้วยแรงจูงใจพื้นฐานของแต่ละคน ซึ่งแตกต่างกันไป การทำงานร่วมกันหรือการพัฒนาบุคลากรจะเป็นไปได้อย่างราบรื่น หากเราเข้าใจแรงขับพื้นฐานเหล่านี้
หนังสืออ้างอิงงานวิจัยมากมาย แต่สรุปเนื้อหาไว้อย่างกระชับ อ่านเพลิน เหมาะสำหรับหัวหน้างาน HR รวมถึงผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจคนรอบตัว
.
หนังสือแบ่งแรงจูงใจพื้นฐานออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้
1) ด้าน Mindset
หนังสือบอกว่า Mindset สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ คือ Be Good และ Be Better
• Be Good: คนที่มีแนวคิดแบบนี้จะมองว่าสิ่งต่าง ๆ ต้องทำให้ออกมาดี โดยมองโลกเป็นขาวดำระหว่าง “ทำได้” กับ “ทำไม่ได้” คนแบบนี้มักเน้นพิสูจน์ความสามารถให้ผู้อื่นยอมรับ
• Be Better: คนที่มีแนวคิดแบบนี้จะเชื่อว่าความสามารถพัฒนาได้เรื่อย ๆ โดยเน้นเปรียบเทียบกับตัวเองเพื่อให้ดีขึ้น
ข้อสังเกต:
หนังสือชี้ว่าแนวคิดแบบ Be Good อาจนำไปสู่ความกังวลใจและการล้มเลิกได้ง่าย เพราะการเปรียบเทียบกับผู้อื่น ส่วนแนวคิดแบบ Be Better ซึ่งคล้ายกับ Growth Mindset จะช่วยให้มองปัญหาเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
2) ด้าน Focus
โฟกัสหรือมุมมองต่อเหตุการณ์สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ Promotion และ Prevention
• Promotion Focus: คนที่ชอบมองหาโอกาส ก้าวไปข้างหน้า และสนใจในสิ่งที่จะได้ (Gain) พวกเขามักเน้นเป้าหมายและกลัวการสูญเสียโอกาส (Opportunity Loss)
• Prevention Focus: คนที่มองเห็นปัญหาและความเสี่ยงเป็นหลัก มีความรอบคอบ สนใจเรื่องความมั่นคง และเน้นลดการสูญเสีย
ข้อสรุป:
ทั้ง 2 แบบมีข้อดี-ข้อเสียในตัวเอง ไม่มีแบบใดดีกว่าแบบหนึ่ง เราเพียงต้องรู้ว่าตัวเองเป็นแบบไหน และใช้จุดแข็งนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3) ด้าน Confidence
ความมั่นใจในศักยภาพของตนเองแบ่งได้เป็น มั่นใจ กับ ไม่มั่นใจ
• ความมั่นใจอาจมาจากประสบการณ์ เช่น ความสำเร็จหรือความล้มเหลวที่ผ่านมา รวมถึงการสนับสนุนจากคนรอบข้าง
• หนังสือชี้ให้เห็นว่าความมั่นใจต่างจากการมองโลกในแง่ดี เพราะการมองโลกในแง่ดีเกินไป อาจทำให้มองข้ามปัญหาและไม่ได้เตรียมตัว ซึ่งทำให้มีโอกาสที่จะล้มเหลวมากกว่า
.
จะพัฒนาตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างไร?
1) เปลี่ยน Mindset เป็น Be Better
นี่คือสิ่งแรกที่ควรทำ ไม่ว่าจะพัฒนาตัวเองหรือทีมงาน วิธีการปรับ Mindset ได้แก่:
• Reframe Goal: ตั้งเป้าหมายในเชิงการพัฒนา เช่น แทนที่จะตั้งว่า “ฉันจะเป็นหัวหน้าที่ดี” ให้ตั้งว่า “ฉันจะเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อเป็นหัวหน้าที่ดี”
• เปลี่ยนมุมมองเรื่องความผิดพลาด: มองว่าความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นโอกาสในการเรียนรู้
• เลิกเปรียบเทียบกับคนอื่น: เปรียบเทียบกับตัวเองในอดีตแทน
• อดทนและมองเป็นเกมยาว: ไม่รีบร้อน แต่ค่อย ๆ พัฒนาตัวเอง
• มองหา Role Model: ใช้บุคคลต้นแบบเป็นแรงบันดาลใจ
2) สร้างความมั่นใจให้เหมาะสมกับ Style
• คนที่มี Promotion Focus ควรสร้างความมั่นใจผ่านการลงมือทำจริง (On-the-Job Training)
• คนที่มี Prevention Focus ควรเริ่มจากการเรียนรู้ผ่านข้อมูลและการฝึกอบรม
3) จูงใจให้เหมาะสมกับ Style
• Promotion Focus: กระตุ้นให้มองเห็นโอกาส ความท้าทาย และความคิดสร้างสรรค์
• Prevention Focus: ให้เวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล จัดการความเสี่ยง และอธิบายเหตุผลอย่างละเอียด
.
เป็นหนังสือที่อ่านง่าย แต่ให้มุมมองลึกซึ้งในเรื่องแรงจูงใจและจริตของแต่ละคน ใครสนใจพัฒนาตัวเอง ทีมงาน หรือเข้าใจคนรอบตัว แนะนำให้อ่านครับ
แล้วเพื่อน ๆ คิดว่าตัวเองเป็นแบบไหน? ระหว่าง Promotion กับ Prevention
ส่วนตัวผม พอนั่งคิดดูแล้ว ผมว่าตัวเองน่าจะเป็น Prevention นะ เพราะวัน ๆ เอาแต่ไล่ปิดความเสี่ยง 😂
