Category: Book Review
-
รีวิวหนังสือ: Never Enough โดย Jennifer Breheny Wallace
ผมเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง Never Enough ของ Jennifer Breheny Wallace จบไปครับ แบบว่าอ่านแล้วสะท้อนใจมาก 555 หนังสือว่าด้วยสังคมของเรายุคนี้ครับ ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ “ความสำเร็จ” เราต่างมุ่งหาความสำเร็จกันเหลือกัน จนทำให้บางครั้งก็เหมือนกับว่า ความสำเร็จนั้นไม่เคยพอ ได้สิ่งนี้แล้วก็ต้องได้อีก ไขว่คว้าทำต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งมีผลกระทบมากต่อเด็กๆ ลูกหลานของเราครับ เราห่วงใยลูกหลาน อยากให้ลูกหลานมีอนาคตที่ดี แต่บางครั้งเราก็กดดันเด็ก ๆ ของเราไปโดยไม่รู้ตัว เพราะเรากลัวว่า ถ้าลูกเราไม่ประสบความสำเร็จอะไรในวัยนี้ โตขึ้นจะเป็นยังไง แข่งขันได้ไหม ลูกเพื่อนเขาทำโน่นทำนี่ได้ ลูกเราก็น่าจะต้องทำได้บ้าง เกิดเป็นความกดดันโดยไม่รู้ตัวของทั้งพ่อแม่และตัวเด็ก ๆ เอง หนังสือบอกว่า มันเป็นแสสังคมในยุคนี้ครับ ที่หนังสือเรียกว่า วัฒนธรรมการแสวงหาความสำเร็จ Achievement Culture แต่ก็อาจมากเกินไปจนกดดัน หรืออาจเรียกว่า Toxic . 1. Achievement Culture คืออะไร? • Achievement Culture คือการให้ความสำคัญกับการประสบความสำเร็จในเชิงผลลัพธ์ เช่น การเรียนเก่ง การเป็นที่หนึ่งในทุกกิจกรรม…
-
รีวิวหนังสือ: The Side Hustle โดย Nick Loper
เป็นหนึ่งในหนังสือที่ผมดองเค็มจนได้ที่ แล้วค่อยหยิบขึ้นมาอ่าน ก็เป็นหนังสือที่จำได้ว่ามี Youtube ฝรั่งแนะนำให้ลองอ่าน ก็เลยกดซื้อมาดองไว้ อ่านง่ายอ่านสนุก แนะนำให้อ่านกันครับ เป็นหนังสือแนะนำแนวทางหาไอเดียธุรกิจสำหรับคนที่ยังทำงานประจำ โดยรวบรวมไอเดียจากการสัมภาษณ์คนที่ประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นธุรกิจจาก Podcast ของผู้เขียน มาอ่านสรุปกันครับ . 1) 3 ประเภทของ Business Model หนังสือบอกว่าธุรกิจที่ทำๆกันอยู่เนี่ย แบ่งได้ 3 อย่างว่าคุณกำลังขายอะไร ซึ่งคือ 1 Sell Service: คือการรับจ้าง ให้บริการต่าง ๆ เช่น เป็น Freelance ให้คำปรึกษา หรือ รับจ้างต่าง ๆตามที่เรามีความสามารถ ข้อดีของแนวทางนี้คือ เริ่มทำได้ง่าย หาเงินง่าย เงินลงทุนต่ำ แต่ข้อเสียคือ scale up ยาก และใช้เวลาของเราแลกเงิน หนังสือบอกว่า ถ้าไม่รู้ทำอะไร แนวทางนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี 2 Sell Product (สินค้า): คือการขายสินค้า ซึ่งเป็นได้ทั้ง…
-
รีวิวหนังสือ: Right Kind of Wrong โดย Amy Edmondson
หนังสือน่าสนใจดีนะ คือเราทุกวันนี้มักจะคุยกันว่า ความผิดพลาดเป็นเรื่องดีทำให้เราได้เรียนรู้ แต่หนังสือชี้เห็นว่า ไม่ใช่ทุกความผิดพลาดเป็นเรื่องดี บางครั้งการอ้างแต่ว่าผิดพลาดเพื่อเรียนรู้ก็อาจทำให้เราลองโน่นนี่ไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็อาจหลงทาง อีกทั้งบางความผิดพลาดก็ควรเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ง่าย ๆ ไม่ควรเกิดแต่แรก แบบนี้ก็ไม่ใช่ความผิดพลาดที่ดี ก็เป็นมุมมองที่ดีนะ ที่ว่าไม่ใช่ว่าทุกความผิดพลาดจะเป็นเรื่องดีเท่ากันทั้งหมด เล่มนี้เหมาะสำหรับองค์กรหรือคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองครับ ผมว่าเปิดแนวคิดได้ดี มาอ่านสรุปสิ่งที่ผมได้หนังสือเล่มนี้กันครับ . 1)ทัศนคติต่อความล้มเหลวหนังสือบอกว่าเป็นธรรมชาติของเราครับ ที่จะกลัวความล้มเหลว มันห้ามไม่ได้ โดยเฉพาะความล้มเหลวในที่สาธารณะ เช่น ในที่ทำงาน หรือเมื่อมีผู้อื่นเห็น เพราะมักจะทำให้เรารู้สึกอึดอัดและไม่อยากเผชิญหน้ากับมัน หนังสือเล่มแนะนำว่าเราไม่ควรหลีกหนีจากความล้มเหลว แต่ควรเรียนรู้ที่จะยอมรับและใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนา ไม่ใช่แค่ในระดับบุคคล แต่ยังรวมถึงในองค์กรด้วยที่ควรสร้าง ‘psychological safety’ หรือความปลอดภัยทางจิตใจ ซึ่งหมายถึงสภาพแวดล้อมที่ผู้คนสามารถพูดถึงความผิดพลาดได้โดยไม่ต้องกลัวการถูกตำหนิหรือการลงโทษ 2) ประเภทของความล้มเหลวหนังสือไม่ได้มองความล้มเหลวทั้งหมดเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ได้แบ่งเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ 3) ลักษณะที่ดีของ Intelligent Failures ง่าย ๆ คือ หนังสือมองว่ามันก็เหมือนกับการทดลองวิทยาศาสตร์ ที่พาเราไปสู่การค้นพบใหม่ ๆ พาเราไปยัง Area ใหม่ ๆ เป็นที่เราตั้งใจลองทำอะไรบางอย่างเพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อการเรียนรู้…
-
รีวิวหนังสือ The Five Dysfunctions of a Team
ช่วงนี้ได้มีโอกาสไปช่วยองค์หนึ่งเรื่องการสร้างทีม และก็มีพี่ที่เคารพท่านหนี่งก็ได้แนะนำหนังสือเล่มนี้มา ชื่อว่า The Five Dysfunctions of a Team ซึ่งเป็นเวอร์ชันการ์ตูนด้วย ก็ทำมาจากหนังสือชื่อเดียวกันครับ ตอนแรกก็คิดว่าถ้าเป็นการ์ตูนแล้วคงเนื้อหาเบา ๆ แตะโน่นนี่นิดหน่อย แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่เลย เป็นการ์ตูนที่ Text เยอะมาก ประมาณว่า อ่านเอาจริงจัง ไม่ได้อ่านขำ ๆ . หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวของบริษัทแห่งนึง ที่กำลังประสบปัญหา โดยเฉพาะด้านการทำงานเป็นทีม ซึ่งทางตัวผู้บริหารเองก็ไม่รู้ตัวว่าเกิดปัญหาขึ้น โดยอุปสรรคที่ขัดขวางการทำงานเป็นทีมนั้น หนังสือได้สรุปออกมาเป็นปัญหาที่บั่นทอนทีม 5 ระดับ ซึ่งส่งผลต่อเนื่องกัน สรุปใจความคือ . ผู้เขียนเสนอว่า สิ่งทั้ง 5 นี้ จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน เป็นเหมือนวงจรอุบาทว์ ที่จะนำไปสู่ความล้มเหลวของทีมหรือองค์กรได้ และ เพื่อเอาชนะปัญหาเหล่านี้ ผู้เขียนได้เสนอแนวทางสร้างทีมไว้ดังนี้ สิ่งที่ควรทำเช่น สร้างกิจกรรมให้คนในทีมได้รู้จักตัวตนของกันและกัน, feedback 360 องศา, กิจกรรมทีมสัมพันธ์ สิ่งที่ควรทำเช่น ค้นหาความขัดแย้ง, มีสิทธิ์เตือนกันทันที,เรียนรู้เทคนิค conflict management…
-
รีวิวหนังสือ Explore Like a Pirate
เป็นหนังสือเกมมิฟิเคชัน ที่เน้นเรื่องการเปลี่ยนห้องเรียนให้กลายเป็นเกม ผู้เรียนมีความสนุกสนานมาขึ้นซึ่งคนเขียนจะไม่ได้เน้นที่เกมมิฟิเคชันอย่างเดียว แต่ยังรวมถึง game-based learning ต่าง ๆ ด้วย ข้อดีอีกอย่างคือ ผู้เขียนเป็นคุณครู ที่นำประสบการณ์จริงของตัวเองมาเล่าให้ฟัง หนังสือเลยมีข้อมูลเชิงลึกและ ทฤษฎีต่าง ๆ ของการศึกษา ทำให้หนังสือนี้เหมาะมากสำหรับท่านที่สนใจการนำกลไกเกมมาปรับใช้ในการศึกษา เช่น นักการศึกษา คุณครู อาจารย์ และ วิทยากรต่าง ๆ ความดีงามของหนังสือเล่มนี้คือ ผู้เขียนสรุปไว้ให้ด้วยว่า เทคนิคเกมมิฟิเคชันอะไรบ้างที่สามารถนำมาใช้ในห้องเรียนได้บ้าง รวมถึงข้อดี ข้อเสีย ทริคและไอเดียในการใช้ ซึ่งเขียนสรุปออกมาได้เข้าใจง่าย . เทคนิคเกมมิฟิเคชันที่หนังสือแนะนำ ว่าสามารถนำมาปรับใช้ในห้องเรียน . เป็นหนังสือที่อ่านง่าย ตัวอย่างชัดเจน ในตอนท้ายของหนังสือ มีตัวอย่างเกม และ กิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ในห้องเรียนได้ ทันที ซึ่งบางตัวอย่าง ก็จะเป็น Game base learning แต่ทั้งนี้ผู้เขียนยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นนักเล่นเกมเท่านั้นถึงจะมาออกแบบเกมมิฟิเคชัน หรือ game-based learning ได้…
