Category: gamification
-
8 กระบวนท่าเกมมิฟิเคชัน
เวลาเราเลือกทำเกมมิฟิเคชันขึ้นมาเพื่อจูงใจคน ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน นักเรียน หรือ ลูกค้า ไอเดียแรกที่เรามักจะคิดกันก็มันจะเป็นให้คนแข่งขันกัน เพราะเล่นเกมแล้วก็ต้องแข่งขันกันจริงมะ จริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบแข่งขันครับ … การเน้นแต่การแข่งขันมาก ๆ ก็อาจจะทำให้ผู้เล่นบางคนรู้สึกไม่สนุก หรือไม่อินได้ แต่ว่าแล้วเราจะมีกระบวนท่าอื่นอย่างไรได้บ้างมั้ยที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้ นอกเหนือจากการแข่งขัน ผมได้ลองศึกษาดูจากเคสต่าง ๆ แล้วพบว่าเกมมิฟิเคชันมีทั้งหมด 8 กระบวนท่าหลัก ๆ ที่พบได้บ่อยซึ่งเราสามารถนำมาปรับใช้ได้ … ลองมาดูกันครับ . คือการเน้นที่การแข่งขันครับ มักจะเป็นแนวทางแรกที่เรานึกถึงกันเวลาใช้เกมมิฟิเคชัน โดยทั่วไปแนวทางนี้จะเหมาะสำหรับเวลาที่เราต้องการเน้น Performance หรือ ประสิทธิภาพการทำงานเช่นอยากจะให้ผู้เข้าร่วมทำอะไรอย่างให้ออกมาให้ดีขึ้น หรือ เร็วขึ้น เป็นต้น คือการให้ผู้เล่นได้ร่วมมือ ช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน เหมาะสำหรับกิจกรรมที่เราต้องการสร้างความสำพันธ์ภายในทีม สร้าง Community กลไกเกมและกิจกรรมต่าง ๆ ก็จะไปส่งเสริมเรื่องการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่น ให้แต้ม กับผู้เล่นที่แชร์หรือช่วยทีมอะไรบางอย่าง เป็นต้น คือ การผสมผสานระหว่าง ทั้งการแข่งขันและร่วมมือ เช่นแบ่งกลุ่มแข่งกันเป็นต้น เป็นแนวทางที่พบได้บ่อย สร้างสีสันได้ดีเวลาต้องทำเกมมิฟิเคชันสำหรับคนจำนวนมาก และ…
-
หนังสือเกมมิฟิเคชัน 1 & 2 ต่างกันอย่างไร?
มีหลายท่านหลังไมค์มาถามว่า หนังสือเกมมิฟิเคชันทั้ง 2 เล่มที่ผมเขียนนี่ต่างกันยังไง ควรซื้อเล่มไหนดี เลยอยากจะมาขอสรุปให้ฟังคร่าว ๆ ครับ . เล่ม 1 Gamification เกมมิฟิเคชัน จูงใจคนด้วยกลไกเกม เนื้อหา: ปูพื้นฐานความรู้ความเข้าใจว่า เกมมิฟิเคชันคืออะไร มีหลักการ มีหลักคิดอย่างไรบ้าง ประโยชน์ และ การนำไปใช้ เพื่อเปิดให้ผู้อ่านได้ทราบถึงจักรวาลของเกมมิฟิเคชัน ว่าทำไมกลไกเกมถึงสามารถจูงใจคนได้ และ สามารถนำมาปรับใช้อย่างไรได้บ้าง เหมาะสำหรับ: บุคคลทั่วไปที่สนใจอยากรู้ว่าเกมมิฟิเคชันคืออะไร และ สามารถนำไปปรับใช้กับกิจกรรมใดได้บ้าง . เล่ม 2 Gamification2: Goal-Gap-Gamify เนื้อหา: เป็นจักรวาลส่วนขยายต่อจากเล่มแรก ที่ลงลึกเรื่องหลักคิดพื้นฐานในการออกแบบเกมมิฟิเคชัน รวมถึงยังได้สรุปรวมกลไกเกมที่น่าสนใจไว้ 54.5 กลไก ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ หนังสือเล่ม2 นี้เจตนาเขียนให้ออกมาเป็นเหมือนคู่มือที่สามารถย้อนกลับมาหยิบอ่านอ้างอิงได้ เวลาออกแบบเกมมิฟิเคชัน ทั้งนี้ในช่วงต้นของหนังสือได้มีการทบทวนว่าเกมมิฟิเคชันคืออะไร สำหรับท่านที่เพิ่งสนใจศึกษา ซึ่งก็จะกระชับกว่าเล่มแรก แต่ใส่ตัวอย่างเพิ่ม และทฤษฎี ใหม่ ๆ เพื่อให้ท่านที่เคยอ่านเล่มแรกแล้วได้ทบทวน อัพเดทความรู้ เหมาะสำหรับ:…
-
แชร์ประสบการณ์ที่ได้จากการเขียนหนังสือ (EP3)
อีกสิ่งที่ผมกังวลตอนเขียนหนังสือคือ เราจะเรียบเรียงเรื่องราวดีไหม เล่าเข้าใจง่ายเป็นระบบหรือเปล่า ก็เป็นปัญหาหลักของการเล่าเรื่อง หรือการพรีเซ็นต์ต่าง ๆ ครับ ไม่ใช่เฉพาะเขียนหนังสือ . ส่วนตัวผมเอง ก่อนจะเริ่มเขียนหนังสือ ผมเขียนทุกอย่างลงบน Post It ไม่ว่าจะเป็น Key Message ต่าง ๆ รวมถึง ทฤษฎี และตัวอย่างที่น่าสนใจ แล้วเอา Post It มาแปะใส่กระดาษ พยายามเรียงเรื่องราวดูครับ ว่าเล่าแบบนี้ smooth ดีหรือเปล่า ที่ทำบน Post It ก็เพราะว่า มันขยับได้ง่ายดีครับ 555 ขยับไปขยับมาอยู่เป็นสัปดาห์เลย กว่าจะได้ flow ของเนื้อหาที่คิดว่าโอเค เข้าใจง่าย เล่าได้ไม่สะดุด … จากนั้นก็ตะลุยเขียนตามแผนที่วางไว้ แต่พอได้เขียนไปจริง ๆ ได้ใส่คำใส่เรื่องราวลงไป ก็พบว่าไม่ใช่แฮะ มีหลายจุดที่ต้องปรับ ต้องขยับ เพราะพอเขียนแล้วมันสะดุด ๆ ก็ไม่เป็นไร ก่อนจะปรับเนื้อหาเราก็ย้อนกลับไปดู Post…
-
แชร์ประสบการณ์ ที่ได้จากการเขียนหนังสือ (EP1)
ถ้าจะถามว่าที่ผมเขียนหนังสือไปเนี่ย คิดว่าตนเองได้เรียนรู้อะไรมากที่สุด ผมอยากจะตอบว่า คือ การปล่อยวาง ครับฟังดูแก่ดีเนอะ 555 . คืองี้ครับ ตอนที่เราเขียน เราก็ตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เลือกเนื้อหาที่สำคัญ ร้อยเรียงเป็นบทต่าง ๆ ใส่ตัวอย่าง ตรวจ flow และ logic ของเนื้อหา ไปจนพิสูจน์อักษร แล้วก็ส่งให้บก.รีวิวอีกที แต่พอนาทีสุดท้าย ที่หนังสือกำลังจะตีพิมพ์แล้วเนี่ย อยากจะบอกว่า เสียวสุด ๆ คือมันกังวลไปหมดเลยครับว่า เราเขียนดีมั้ย เราตกหล่นอะไรหรือเปล่า เนื้อหาร้อยเรียงแบบนี้ผู้อ่านจะเข้าใจง่ายมั้ย แบบว่ามีเรื่องให้กังวลได้ล้านแปด ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจละครับ ปล่อยวางแล้วนอนดูหนังสือทำหน้าที่ของมันไป ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า กว่าจะเขียนเล่มนี้ได้เรา research มาเยอะมาก ทดลองใช้จริงมาหลายรอบจนมั่นใจว่ามีประโยชน์ และที่สำคัญคือ บอกตัวเอง ให้เตรียมใจรอไว้เลยว่า ยังไงก็คงต้องมีจุดผิด เช่นพิมพ์ผิดนิด ๆ หน่อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้น … แบบนี้สบายใจขึ้น ประมาณว่า กูว่าแล้วววว 555 นาทีนี้ก็ได้แต่ปล่อยวางครับอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด 🙂…
-
Loss Aversion: คนเรากลัว “การสูญเสีย” มากกว่าการได้รับ
บางท่านเคยมีประสบการณ์แบบนี้มั้ยครับ ที่เวลาเล่นบางเกมแล้ว แบบว่ามาไกลละ เกือบจะผ่านด่านละ แต่ว่าไม่ผ่านกำลังจะตาย แล้วแบบว่าก็จะรู้สึกเสียดายว่าไม่อยากตายแล้วไปเริ่มเล่นใหม่เลย อุตส่าห์เล่นมาตั้งนาน เช่นในเกม candy crush เกมง่าย ๆ ที่แต่ละด่านจะให้เราเรียงไอเท็มเรียงให้ได้ตามกำหนด แต่ความยากคือ เกมมันจะระบุ mission และ จำกัดจำนวน move ไว้ เช่นบางด่านอาจจะบอกว่าต้องทำ mission ให้ได้ภายใน 36 move แต่เราตอนนี้ใช้ไป 35 move แล้ว แต่พบว่ายังขาดอีก 4 move ก็จะผ่านด่านละ แต่ว่ามันไม่พอแล้วไง พอเราตาย ตัวเกมตอนนี้ก็จะมี option โผล่มาให้เลือกว่า เริ่มเล่นใหม่ หรือ เสียเวลาซักนิดดู Ads แล้วจะได้ move ได้ item เพิ่ม ไปจนกระทั่งเสียเงินซักนิดมั้ย จะได้ไม่ต้องเล่นใหม่แล้วได้ move ได้ item แรง ๆ มาช่วยเล่นในผ่านด่าน…
