
เป็นหนึ่งในหนังสือที่ผมดองเค็มจนได้ที่ แล้วค่อยหยิบขึ้นมาอ่าน
ก็เป็นหนังสือที่จำได้ว่ามี Youtube ฝรั่งแนะนำให้ลองอ่าน ก็เลยกดซื้อมาดองไว้
อ่านง่ายอ่านสนุก แนะนำให้อ่านกันครับ
เป็นหนังสือแนะนำแนวทางหาไอเดียธุรกิจสำหรับคนที่ยังทำงานประจำ โดยรวบรวมไอเดียจากการสัมภาษณ์คนที่ประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นธุรกิจจาก Podcast ของผู้เขียน
มาอ่านสรุปกันครับ
.
1) 3 ประเภทของ Business Model
หนังสือบอกว่าธุรกิจที่ทำๆกันอยู่เนี่ย แบ่งได้ 3 อย่างว่าคุณกำลังขายอะไร ซึ่งคือ
1 Sell Service: คือการรับจ้าง ให้บริการต่าง ๆ เช่น เป็น Freelance ให้คำปรึกษา หรือ รับจ้างต่าง ๆตามที่เรามีความสามารถ ข้อดีของแนวทางนี้คือ เริ่มทำได้ง่าย หาเงินง่าย เงินลงทุนต่ำ แต่ข้อเสียคือ scale up ยาก และใช้เวลาของเราแลกเงิน หนังสือบอกว่า ถ้าไม่รู้ทำอะไร แนวทางนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
2 Sell Product (สินค้า): คือการขายสินค้า ซึ่งเป็นได้ทั้ง ของที่จับต้องได้หรือDigital ข้อดีคือ ขยายตัวง่าย ถ้าวางแผนดีๆ ก็จะไม่ใช้เวลาของเรามากเท่าแบบแรก แต่ข้อเสียคือ ต้นทุนสูง ต้องจัดการ iinventory ต่าง ๆ
3 Sell Audience: คือการเอาผู้ติดตาม หรือ ผู้ใช้ของเรา ไปขาย นึกถึง Facebook ที่เราใช้ฟรี แล้ว FB เอาเราไปขายโฆษณา สิ่งที่คนตัวเล็กๆอย่างเราจะทำแนวทางนี้ได้ก็เช่น ทำ podcast ทำ YouTube แล้วขาย โฆษณา หา Sponsor แนวทางนี้ ขยายตัวง่ายมาก ถ้าตั้งตัวติดแล้วก็จะ Scale up ได้ง่าย ข้อเสียคือ ลงทุนเวลานาน แล้วไม่การันตีว่าจะสำเร็จ
2) 7 แนวทางหาไอเดียธุรกิจ
1. The Rip, Pivot and Jam Method: คือการไปดูเพื่อนว่าเขาทำอะไรกัน เราก็ลอกไอเดีย แล้วมาปรับใช้บ้างให้เหมาะกับธุรกิจ หรือความถนัดของเรา เช่น มีคนนึงเห็นว่าเมืองเขามีคนทำธุรกิจพาขี่จักรยานทัวร์เมืองเยอะมาก เขาก็เลยได้ไอเดียมาทำ Urban Hiking คือพาเดินทัวร์ในเมือง เช่น พาไปกิน ไปร้านลับ ดี ๆ ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปไม่ทราบ
2. The Sniper Method คือ เริ่มลองเล็ก ทำแบบโฟกัส เช่น คนเขียนเขาสมัยเริ่มทำธุรกิจ ทำเวปเปรียบเทียบราคาสินค้า แต่แทนที่จะเทียบสินค้าทุกอย่าง เขาเริ่มทำจากเฉพาะ รองเท้า ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ ข้อดีคือทำให้เราโฟกัสต้นทุน การตลาด ได้ง่าย
3. The Shovels in the Gold Rush Method แนวทางนี้คือ ตอนนี้เขาฮิตอะไรกัน เราก็เกาะกระแสไปด้วย แต่ไปทำอะไรที่ support คนหมู่มาก ไม่ได้ลงไปเล่นเกมเดียวกับเขา เหมือนถ้าคนเขาฮิตขุดทองกัน เราก็ขายพลั่วแทน ไม่ไปขุดทองกับเขา
4. The Intersection Method คือการสำรวจตัวเองแล้วเลือกทำสิ่งที่เหมาะสม โดยมองจาก Skill + Interest + Network คือ เราเก่งอะไร ชอบอะไร มีเครือข่ายอะไรบ้าง แล้วลองดูสิว่าหาอะไรทำได้บ้าง แนวทางนี้เหมาะสำหรับสร้างไอเดียใหม่ ๆ เปิดมุมมอง
5. The Scratch-Your-Own-Itch Method คือเริ่มจากมองปัญหาที่ตัวเองหงุดหงิด แล้วหาทางแก้ เพราะถ้าเรามีปัญหาแล้ว มันก็ต้องมีคนอื่นที่มีปัญหา ต้องการทางแก้เหมือนกับเรา มีผู้หญิงคนหนึ่งอยากลดค่าใช้จ่ายในครอบครัง เธอก็ศึกษาแล้วโพสแชร์ไอเดียต่างๆ ในการทำเมนูอาหารราคาถูก สุดท้ายก็มีคนติดตามมากมาย และ ต่อมาก็ต่อยอดเป็นธุรกิจได้
6. Expert Enough Method คือเราทุกคนมีความรู้ความสามารถ แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ที่หนึ่งในโลก แต่เราก็เก่งพอช่วยเหลือคนรอบตัวได้ ถ้ามีใครเคยมาขอให้เราช่วยอะไรให้ ก็แปลว่าเราก็เก่งพอแล้วนะ ให้ลองหาโอกาสทำดู เริ่มจากบริการเพื่อนก่อนก็ได้
7. The Probing-for-Pain Method หนังสือบอกว่าแนวทางนี้ไม่ง่าย แต่สร้างเงินได้เยอะมาก แนวทางนี้คือไปคุยกับคน เช่นเพื่อน หรือ เจ้าของกิจการ ลองถามดูว่าเขามีปัญหาอะไร ทำความเข้าใจ และคิด solution แนวทางนี้ต้องคุยกับคนเยอะ กว่าจะเจอ Pain ที่น่าสนใจ
.
หนังสือยังแนะนำว่าแต่ละ Business Model ควรเริ่มต้นอย่างไร มีอะไรน่าทำบ้าง รวมถึงแนวทาง scale up ของแต่ละแบบด้วย เช่น พวก Sell Services พอตันแล้วก็ลองทำสินค้า หรือพวก Sell Product ก็ให้ลองทำสินค้า Hybrid คือ มีทั้งแบบจับต้องได้กับ digital และพวก Sell Audience ก็อาจไป collab กับคนอื่น เพื่อแชร์ฐาน Audience กันให้ใหญ่ยิ่งขึ้นเป็นต้น
ก็เป็นหนังสือที่ผมว่าอ่านง่ายดีนะ คนเขียนรวบรวมจากประสบการณ์จริงที่เขาได้เจอมา รวมถึงจากผู้คนที่เขาได้คุยด้วยใน Podcast ซึ่งผมว่าน่าสนใจดีเลยเอามาแบ่งปันให้อ่านกันครับ
อ่านแล้วเกิดไอเดียเต็มไปหมดเลย 55
