
Stockdale paradox
Stockdale paradox คือหลักการมอง แบบมีความหวัง มีความเชื่อ แต่ก็ยังยอมรับความจริงว่า ชีวิตมันยากลำบาก
คำนี้มาจาก นายพล เจมส์ สต็อกเดล (James Stockdale) อดีตผู้ ลงสมัครเลือกตั้งรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งประวัติไม่ธรรมดาเลย
.
ประวัติคือ เขาเคยถูกส่งไปร่วมสงครามเวียดนาม ซึ่งต่อมาได้ถูกจับตัวเป็นเชลย
เขาโดนขังคุกแบบไม่มีกำหนดปล่อยตัว ไม่ได้รับสิทธิมนุษยธรรมใด ๆ และ ถูกทรมานมากกว่า 25 ครั้ง ซึ่งทำให้ขาของเขาเสียรูป จนไม่สามารถกลับมาเป็นปรกติได้
นับว่าเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวังสุด ๆ
แต่เขาก็ผ่านมาได้ และ รอดออกมาได้หลังจากอยู่ในคุกนี้อยู่ถึง อยู่ถึง 7 ปีครึ่ง
.
แต่ในบทสัมภาษณ์ สต็อกเดลกลับบอกว่า ตลอดเวลานั้นเค้าไม่เคยหมดหวังเลย
เขาเชื่อมั่นว่าเขาจะต้องรอดออกมาได้ และ ที่น่าสนใจที่สุด คือเขาบอกกับตัวเองว่า ประสบการณ์ในคุกนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิต ที่เขาจะไม่ยอมเอาอะไรมาแลก
นั่นคือ สต็อกเดล กำลังยอมรับความจริง ว่าสิ่งที่เขาเจออยู่นั้นมันลำบาก เขาต้องอยู่กับมัน แต่ก็ยังไม่หมดความหวังว่าสิ่งดี ๆ กำลังต้องมา … แค่อาจจะไม่ใช่วันนี้
บทสัมภาษณ์ถามต่อว่า แล้วคนที่ติดคุกด้วยกัน คนประเภทไหนที่ไม่รอดออกมา
สต็อกเดล ตอบว่า คือคนที่มองโลกในแง่ดี!
คือคนที่บอกกับตัวเองว่า เดี๋ยวคริสต์มาสเราจะรอดออกไป… แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ออก ไม่เป็นไร เดี๋ยววันขอบคุณพระเจ้าก็รอดแล้ว… แต่ก็ยังไม่รอด จนคริสต์มาสได้วนกลับมาอีกรอบแล้ว รอบเล่า
สต็อกเดลบอกว่า สุดท้ายคนเหล่านี้ก็ใจสลาย และ หมดกำลังใจ
.
สต็อกเดล ได้สรุปบทเรียนของเขาไว้ว่า เราต้องไม่สับสนระหว่างการมองโลกในแง่ดี การมีความหวัง กับ ความยากลำบากที่ต้องเจอในปัจจุบัน เราต้องไม่สิ้นหวัง ไม่ว่ากรณีใดๆ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงอันโหดร้ายตรงหน้า และ อยู่กับมัน แก้ปัญหาไปให้ได้
ซึ่งความคิดอันย้อนแย้งนี้ ได้ถูกเรียกว่า Stockdale paradox
.
ตัวอย่างการคิดแบบ Stockdale paradox เช่น เรากำลังอยากจะเตรียมสอบเข้ามหาลัย … เราควรบอกกับตัวเองว่า เราสามารถสอบเข้าคณะที่ต้องการได้แน่ ๆ แต่มันยาก เราต้องอ่านหนังสือให้หนัก เตรียมตัวให้มาก
.
มุมมองแบบ Stockdale paradox นี้จะช่วยให้เราตั้งเป้าหมาย ได้อย่างมีความหวัง และ เตือนเราไม่ให้หลับตาต่อ ความเสี่ยง และ ปัญหาต่าง ๆ
ผมเคยอ่านหนังสือเล่มนึง เขาแนะนำว่า เวลาตั้งเป้าที่อยากไปให้ถึง ให้ลิสสิ่งที่จะเป็นอุปสรรครอไว้เลย แล้วรับมือกับมัน โดยไม่สิ้นหวังหรือกังวลว่าจะไปไม่ถึงเป้า …
เพราะการเตรียมตัวรับมือกับความท้าทายในปัจจุบัน คือสิ่งหนึ่งที่ช่วยการันตีว่าเราจะบรรลุเป้าหมาย
และการเชื่อมันว่า เราจะบรรลุเป้าหมาย ก็จะเป็นกำลังใจให้ผ่านปัญหาในปัจจุบันไปได้
.
การคิดแบบนี้ ใช้ได้ทั้งกับเรื่องส่วนตัว เรื่องการทำธุรกิจ และ สำคัญมากกับผู้บริหารองค์ที่จะใช้ในการสื่อสารกับพนักงาน ว่า องค์กรเราสามารถบรรลุเป้าหมายได้ ซึ่งไม่ง่าย แต่เราก็จะผ่านไปร่วมกันได้
การมองโลกบวก แบบไม่ละเลยความยากลำบากนี้ บางทีก็เรียกว่า realistic optimism
ถ้าสนใจก็ไปศึกษาเพิ่มเติมได้ครับ