-
ประโยชน์ของแต้ม (Point)
โดยปรกติเรามักจะคิดว่าการให้แต้มในเกมมิฟิเคชันนั้นมีไว้เพื่อให้รางวัล เช่น สะสมแต้มเพื่อแลกรางวัล หรือ ส่วนลดเป็นต้น แต่จริง ๆ แล้ว แต้มในเกมมีไว้เพื่อบอกว่า พฤติกรรมของลูกค้า/พนักงาน นั้นดีมากน้อยเพียงใด ถ้าเราอยากจูงใจให้ทำพฤติกรรมอะไร เราก็ให้แต้มเยอะ ถ้าไม่อยากให้ทำก็ให้แต้มน้อย ๆ หรือ ไม่ต้องให้แต้มไปเลย พูดอีกนัยหนึ่ง แต้มมีไว้เพื่อเปลี่ยนให้พฤติกรรมอยู่ในรูปแบบที่จับต้องได้ครับ เพราะการกระทำปรกติมันจับต้องไม่ได้ เราไม่รู้เลยว่าที่ทำไปทั้งหมดนี้มันดีมากน้อยขนาดไหน จะต้องปรับปรุงตรงไหนหรือเปล่า ซึ่งการให้แต้มจะช่วยตอบตรงนี้ได้ “You can’t improve what you don’t measure.” Peter Drucker ได้กล่าวไว้ครับ เกมมิฟิเคชันก็เช่นเดียวกันครับ ยกตัวอย่างเช่นเกม Angry Birds ที่เวลาจบแต่ละด่าน เราจะได้ดาวมา ถ้าทำได้ดีมาก ก็ได้ 3 ดาว ถ้าทำไม่ค่อยดี ก็ดาวเดียว แบบนี้เป็นต้น ทีนี้พอเล่นได้ดาวเดียว เราก็รู้ตัวแล้วว่าด่านต่อไปต้องทำให้ดีขึ้น หรือ จะเล่นด่านนี้ซ้ำอีกทีก็ได้ ให้ได้ 3 ดาว อย่างตัวผมเองนี่ เวลาเล่นด่านไหนไม่ได้…
-
ความสนุกมีกี่แบบ?
เหตุผลหลักหนึ่งที่เราเอาเกมมิฟิเคชันมาใช้ ก็คือ เพราะเราอยากให้กิจกรรมของเรามันสนุก น่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ แต่ว่าความสนุก (fun) คืออะไร? นิยามความความสนุกก็มีหลากหลายครับ แต่แนวคิดหนึ่งที่เป็นที่นิยม และ ส่วนตัวผมชอบคือ “The 4 Keys 2 Fun” ของ โดย Nicole Lazzaro ซึ่งได้บอกไว้ว่าความสนุกมี 4 แบบ ได้แก่ 1. Easy Fun คือ ความสนุกจากการทำกิจกรรมผ่อนคลาย เพลิน ๆ ฆ่าเวลา เช่น การเล่นเกมใช้จิตนาการ หรือ ได้สวมบทบาท fantasy เป็นต้น 2. Hard Fun คือ ความสนุกจากการได้เอาชนะอะไรที่มันท้าทาย เป็นความสนุกที่แลกมาด้วยความลำบาก เช่น การได้เล่นเกมที่ต้องวางแผน มีกลยุทธ์ 3. People Fun คือ ความสนุกที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการได้ช่วยเพื่อน การได้ใช้เวลาเล่นร่วมกับเพื่อน…
-
Google แก้ปัญหา Travel Expense Claim ด้วย Gamification
ปัญหาหนึ่งที่หลายบริษัทพบกันคือ เวลาพนักงานเดินทางไปทำงานแล้ว มักจะไม่ยอมกลับมาทำเรื่องเบิกจ่ายให้ตรงตามเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมาก เพราะการทำเบิกจ่ายล่าช้านี้ส่งผลโดยตรงต่อเรื่องบัญชีค่าใช้จ่ายของบริษัท ซึ่งทางแก้โดยทั่วไปอาจจะเป็นการขอความร่วมมือบ้าง หรือ อาจตั้งเป็น KPI ไปเลย . ปัญหานี้ก็เกิดขึ้นกับบริษัท Google เช่นเดียวกันครับ แต่สิ่งที่ Google ทำคือใช้เทคนิค Gamification มาจูงใจพนักงานแทน ไม่ได้บังคับ ทางออกที่ Google ได้ทำคือ ถ้าหากพนักงานเข้าระบบมาทำเบิกจ่ายภายในเวลาที่กำหนด เมื่อถึงตอนท้ายของระบบ พนักงานจะสามารถเลือกได้ว่าเงินที่เหลือจากการเดินทางครั้งนี้จะเอาไปใช้ทำอะไร เช่น โอนเข้าบัญชีเงินเดือนรอบหน้า หรือเก็บไว้ใช้สำหรับการเดินทางครั้งต่อไป โดยเอาไปอัปเกรดการเดินทางได้ หรือ จะเลือกบริจาคเงินเข้าองค์กรการกุศลก็ได้เช่นเดียวกัน ด้วยวิธีง่ายๆ แค่นี้ Google ก็สามารถจูงใจให้พนักงานทำเรื่องเบิกจ่ายค่าเดินทางได้ตรงเวลาถึง 100%ภายใน 6 เดือน! . เราจะเห็นว่าที่ Google ได้ทำคือ gamify สิ่งที่เคยเป็นภาระของพนักงาน ให้กลาย quest ที่หากไม่สามารถทำได้ในเวลากำหนด คุณก็จะสูญเสียโอกาสบางอย่างไป แถมการให้พนักงานได้มีหลายทางเลือก ก็เป็นการตอบแรงจูงใจภายใน (Intrinsic Movation) ด้าน Autonomy…
-
Nudge vs Gamification
Nudge กับ Gamification เป็นคอนเซ็ปที่คล้ายกันครับ ตรงที่จูงใจให้คนทำพฤติกรรมบางอย่างเหมือนกัน แต่สองคอนเซปนี้ต่างและเสริมกันอย่างไร? Nudge เป็น concept ด้านพฤติกรรมมนุษย์คล้ายกับ gamification ซึ่ง Nudge Theory นี้คิดโดย Richard Thaler ผู้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ประจำปี 2017 Nudge Theory จะเป็นการออกแบบทางเลือก (Choice) ให้ทางเลือกหนึ่งดูน่าสนใจโดดเด่นกว่าอีกทางเลือก ซึ่งเรียกกันว่า Choice Architecture ประโยชน์ของ Nudge คือ ทำให้ทางเลือกดี ๆ ที่มีประโยชน์มีโอกาสถูกเลือกมากขึ้น โดยเราไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ เช่น ทำให้คนเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น หรือ ออมเงินมากขึ้น เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น ที่ต่างประเทศได้มีการทดลองให้คนปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำอัดลม การทดลองทำที่ร้าน McDonald’s ครับ โดยสลับตัวเลือกบนหน้าจอสัมผัส จากเดิมที่ตัวเลือกแรกจะเป็นโค้ก เขาก็ย้ายโค้กไปเป็นตัวเลือกสุดท้าย แล้วย้ายโค้กซีโร่ ขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรก (ง่าย ๆ แค่นี้เลย) ทดลองไป 12…
-
ตัวอย่าง Gamification: SAP
SAP เป็นบริษัทชั้นนำให้บริการซอฟต์แวร์ด้านจัดการ/บริหาร มีหลาย Module ตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงการขาย ซึ่งหลายท่านอาจจะรู้จักกันดี ปัญหาของ SAP คือใช้ยาก ทำให้ User ใหม่สับสน เพราะมีรายละเอียดเยอะ และ เชื่อมโยงไปหลาย Module จนมีคนแซวกันว่า SAP ย่อมาจาก Sad After Purchase แต่เอาเข้าจริงพอจับหลักได้ก็พบว่าไม่ได้ยากขนาดนั้น แถมมีประโยชน์มากด้วย . เพื่อแก้ปัญหานี้ทาง SAP ก็เลยมีไอเดียสร้าง SAP Community ขึ้นมา โดย Customer ของ SAP สามารถเข้าไปโพสถามปัญหาการใช้งานได้ และ ให้ Customer คนอื่น หรือ พนักงาน SAP มาช่วยกันตอบ นอกจากถามตอบแล้ว เรายังสามารถเขียน Blog ได้ด้วย ซึ่งทุกการกระทำก็จะมี Point ให้ และ จัดอันดับ Leaderboard และ…
